
ถ้าพูดถึง “นักวิเคราะห์การลงทุน” (Investment Analyst: IA) ก็ไม่ต่างจาก GPS ที่คอยบอกเส้นทางว่าจะไปซ้ายหรือขวา ปลอดภัยหรือเสี่ยง ซึ่งในโลกของการลงทุน คำแนะนำเพียงประโยคเดียวก็อาจเปลี่ยนเส้นทางชีวิตผู้ลงทุนได้เช่นกัน เพราะนักวิเคราะห์การลงทุน เปรียบเสมือนเป็นหนึ่งในเสาหลักตลาดทุนไทยที่ช่วยสะท้อนภาพรวมและทิศทางการลงทุน ผ่านข้อมูลหรือบทวิเคราะห์ที่น่าเชื่อถือ
เพื่อตามกระแสโลกให้ทัน นักวิเคราะห์การลงทุนจึงต้องหมั่นเรียนรู้การลงทุนใหม่ ๆ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่กระแสการลงทุนไม่ได้มุ่งเน้นเพียงผลตอบแทนทางการเงิน แต่ยังคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ซึ่งจะมีผลกระทบกับความยั่งยืนของกิจการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จึงได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การทบทวนความรู้(refresher) สำหรับนักวิเคราะห์การลงทุน เพื่อยกระดับความรู้ให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568
ก่อนจะไปถึงเกณฑ์ใหม่ หลายคนอาจยังไม่ทราบว่า นักวิเคราะห์การลงทุน ทำหน้าที่ต่างจาก ผู้แนะนำการลงทุน (Investment Consultant: IC) หรือ ผู้วางแผนการลงทุน (Investment Planner: IP) อย่างไร
- นักวิเคราะห์การลงทุน คือ คนที่ทำหน้าที่วิเคราะห์การลงทุนตั้งแต่สภาวะตลาดทุนโดยรวมทั่วไป จนถึงรายหลักทรัพย์ทั้งด้านปัจจัยพื้นฐานและเทคนิค ซึ่งมักสังกัดอยู่ในหน่วยงานการวิเคราะห์หลักทรัพย์ หรือการวางแผนกลยุทธ์การลงทุน
- ผู้แนะนำการลงทุน คือ คนที่ทำหน้าที่ให้คำแนะนำการลงทุน ซึ่งรวมถึงการให้คำแนะนำเบื้องต้นเพื่อให้ลูกค้ามีความเข้าใจในการจัดสรรการลงทุนหรือการทำธุรกรรมในผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนที่เหมาะสม ตามระดับความเสี่ยงที่รับได้สำหรับลูกค้าแต่ละราย ส่วนมากเป็นบุคลากรในสังกัดของบริษัทหลักทรัพย์ซึ่งเป็นผู้ให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ตามคำสั่งของผู้ลงทุน
- ผู้วางแผนการลงทุน คือ คนที่ทำหน้าที่ให้คำแนะนำและวางแผนการลงทุนของลูกค้า โดยใช้ข้อมูลของลูกค้าแต่ละรายในเชิงลึก มองเป้าหมายทั้งระยะสั้น-ยาว เพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับทางเลือกในการลงทุนในหลากหลายผลิตภัณฑ์ พร้อมวางแผนการลงทุนแบบเฉพาะเจาะจงแก่ลูกค้าแต่ละราย
แม้ทั้ง 3 อาชีพจะเป็นบุคลากรที่อยู่ในตลาดทุนและต้องได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. เหมือนกัน แต่บทบาทหน้าที่ และกลุ่มเป้าหมาย ต่างกันพอสมควร โดยเฉพาะ IA ที่ต้องศึกษาข้อมูลการเงิน ข่าวสาร และประเมินมูลค่าหลักทรัพย์หรือสินทรัพย์ลงทุน จึงต้องจัดทำข้อมูลและวิเคราะห์เชิงวิชาการที่ถูกต้อง เพื่อจัดทำบทวิเคราะห์เผยแพร่สู่สาธารณะ
หนึ่งในความท้าทายของตลาดทุนที่ผ่านมาคือ ผู้ที่ทำหน้าที่เป็น IA มีจำนวนไม่มาก ทำให้สถาบันอบรมไม่มีหลักสูตรที่ออกแบบสำหรับ IA เป็นการเฉพาะ โดยอบรมร่วมกับกลุ่ม IC และ IP ในหลักสูตรทั่ว ๆ ไป แม้ว่าได้บรรจุความรู้ด้าน ESG ไว้แล้ว แต่เนื้อหาไม่ลึกเพียงพอสำหรับ IA
ก.ล.ต. จึงปรับปรุงหลักเกณฑ์การทบทวนความรู้สำหรับ IA เพื่อยกระดับความรู้ที่ต้องอบรมหรือร่วมกิจกรรม ไม่น้อยกว่า 15 ชั่วโมงในรอบ 2 ปีปฏิทิน โดยแยกออกจากหลักเกณฑ์การให้ความเห็นชอบสำหรับ IC และ IP เพื่อกำหนดความรู้และจัดสรรจำนวนชั่วโมงขั้นต่ำของหลักสูตรที่ต้องอบรมให้เหมาะสมกับประสบการณ์และประเภทของ IA ได้โดยเฉพาะความรู้ด้าน ESG เชิงลึกที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์การลงทุน
สำหรับ IA ที่ต่ออายุความเห็นชอบครั้งแรก นอกจากต้องผ่านการอบรมความรู้ในหัวข้อของกฎระเบียบและจรรยาบรรณ IA อย่างน้อย 3 ชั่วโมง และความรู้ด้าน ESG ที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์การลงทุน อย่างน้อยอีก 3 ชั่วโมง (ยกเว้น IA ปัจจัยทางเทคนิค) เช่น การประเมินความเสี่ยงของผลกระทบที่เกิดจากปัจจัยด้านสภาพภูมิอากาศหรือการประเมินธรรมาภิบาลของบริษัทจดทะเบียน เพื่อให้นำไปปรับใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ESG ในบทวิเคราะห์การลงทุนแล้ว IA ยังต้องเพิ่มอบรมความรู้พื้นฐานด้าน ESG 3 ชั่วโมง เพื่อให้เข้าใจถึงภาพรวมของปัจจัยด้าน ESG ที่ส่งผลต่อการลงทุน
นอกจากนี้ IA ยังคงต้องทบทวนความรู้ที่สำคัญในหัวข้อ ESG เกี่ยวกับการวิเคราะห์การลงทุน รวมถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี นวัตกรรม หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ทันกับสถานการณ์ด้วย
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการกำหนดขอบเขตความรู้ มาตรฐาน การอบรม และอนุมัติหลักสูตร refresher course เพื่อให้มั่นใจว่าหลักสูตรทุกหลักสูตรมีคุณภาพและเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วทั้งอุตสาหกรรม
การปรับปรุงเกณฑ์ครั้งนี้นอกจากจะช่วยยกระดับคุณภาพของ IA ให้สอดคล้องกับแนวโน้มสากล โดยเฉพาะที่
ทั่วโลกให้ความสำคัญกับ ESG ยังเพิ่มความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนต่อข้อมูลหรือบทวิเคราะห์ดังนั้น IA ที่มีความรู้
ที่ทันสมัยจะช่วยตอบสนองต่อความต้องการของผู้ลงทุนทั่วโลก และมีส่วนผลักดันให้ตลาดทุนไทยไปสู่
เป้าหมาย “การลงทุนที่ยั่งยืนในระยะยาว” ได้อีกด้วย
*****************************
จากบทความ "นักวิเคราะห์การลงทุน ยกระดับความรู้ สู่ตลาดทุนยั่งยืน" โดยนางสาวอาชีนี ปัทมะสุคนธ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในคอลัมน์ "เล่าให้รู้กับ ก.ล.ต." หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ